ต้นกำเนิดของ แบล็คแจ็ค (Blackjack)
แบล็คแจ็ค (Blackjack) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไพ่”21″ เป็นหนึ่งในเกมไพ่ที่เก่าแก่และได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกคาสิโน ประวัติความเป็นมาของเกมนี้มีความลึกลับและเชื่อมโยงกับหลากหลายวัฒนธรรม ตั้งแต่ยุโรปในศตวรรษที่ 17 ไปจนถึงคาสิโนลาสเวกัสในยุคปัจจุบัน ต้นกำเนิดที่แน่ชัดของแบล็คแจ็คไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน แต่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชี้ว่าเกมนี้มีจุดเริ่มต้นในยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยเกมไพ่ที่มีลักษณะคล้ายแบล็คแจ็คในยุคแรก ๆ คือเกมที่เรียกว่า “Vingt-et-Un” ซึ่งแปลว่า “ยี่สิบเอ็ด” ในภาษาฝรั่งเศส
เกมนี้เริ่มปรากฏในคาสิโนและศาลของฝรั่งเศสในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 และเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูง เกม Vingt-et-Un มีกฎที่แตกต่างจากแบล็คแจ็คในปัจจุบัน แต่มีเป้าหมายหลักคล้ายกัน คือ การรวมไพ่ให้มีค่าใกล้เคียง 21 มากที่สุดโดยไม่เกินอีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่าแบล็คแจ็คมีความเกี่ยวข้องกับเกมไพ่ “Trente-et-Un” (31) ของสเปน ซึ่งมีหลักการคล้ายกัน แต่ผู้เล่นต้องพยายามรวมแต้มให้ใกล้เคียงกับ 31 เกมนี้เป็นที่นิยมในสเปนและอิตาลีในช่วงเวลาเดียวกัน ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 เกม Vingt-et-Un ถูกนำเข้ามายังสหรัฐอเมริกาโดยผู้อพยพชาวยุโรป เมื่อมาถึงอเมริกา เกมนี้ได้รับการดัดแปลงและพัฒนากฎใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับผู้เล่นชาวอเมริกัน หนึ่งในกฎที่สำคัญคือการให้โบนัสพิเศษสำหรับมือที่มีเอซและแจ็คโพดำ (Blackjack) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเกมในภาษาอังกฤษ แม้ว่ากฎโบนัสนี้จะถูกยกเลิกในภายหลัง แต่ชื่อ แบล็คแจ็ค ยังคงถูกใช้เรื่อยมา
เทคนิคเล่นBlackjackยังไงให้ชนะ
เข้าใจกติกาและตารางการจ่าย
- ก่อนเล่น คุณต้องเข้าใจกฎพื้นฐาน เช่น เป้าหมายของเกมคือการรวมแต้มไพ่ให้ใกล้เคียง 21 มากที่สุดโดยไม่เกิน
- ไพ่ตัวเลขมีค่าเท่ากับตัวเลขบนไพ่, ไพ่หน้า (J, Q, K) มีค่า 10 แต้ม และ Ace มีค่า 1 หรือ 11
- คุณสามารถเลือก “Hit” (จั่วไพ่เพิ่ม), “Stand” (หยุด), “Double Down” (เพิ่มเงินเดิมพันและจั่วไพ่เพิ่ม 1 ใบ) หรือ “Split” (แยกไพ่คู่เป็นสองมือ)
ใช้กลยุทธ์พื้นฐาน (Basic Strategy)
- กลยุทธ์พื้นฐานเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด มีการคำนวณไว้แล้วว่าการตัดสินใจแบบใดดีที่สุดในแต่ละสถานการณ์ เช่น
- หากไพ่ในมือรวม 12-16 และไพ่ของเจ้ามืออยู่ระหว่าง 7-10 ควรจั่วไพ่เพิ่ม
- หากไพ่ในมือของคุณคือ 17-21 ให้หยุดเสมอ
- หากเจ้ามือมีไพ่เปิดเป็น 2-6 และคุณมี 13-16 ควรหยุด เพราะเจ้ามือมีโอกาส “Bust” (แต้มเกิน 21)
บริหารเงินเดิมพัน
- กำหนดงบประมาณ: ตัดสินใจตั้งแต่แรกว่าคุณจะใช้เงินเล่นเท่าไร และหยุดเล่นเมื่อถึงขีดจำกัด
- เดิมพันอย่างสมดุล: อย่าทุ่มเงินเดิมพันทั้งหมดในมือเดียว ให้แบ่งเงินเล่นเป็นส่วน ๆ เพื่อเล่นได้หลายรอบ
- เพิ่มเดิมพันเมื่อมีโอกาสชนะสูง: หากคุณกำลังได้เปรียบ เช่น ไพ่ในกองที่เหลือมี 10 และ Ace มากกว่า อาจเพิ่มเงินเดิมพัน
ฝึกการนับไพ่ (Card Counting)
การนับไพ่เป็นเทคนิคที่ผู้เล่นมืออาชีพใช้เพื่อติดตามไพ่ที่แจกไปแล้ว และคาดการณ์ไพ่ที่เหลือในกอง เทคนิคนี้ช่วยให้คุณรู้ว่าเมื่อไรควรเพิ่มหรือลดเดิมพัน ตัวอย่างวิธีการนับไพ่:
- ไพ่ต่ำ (2-6) นับ +1
- ไพ่กลาง (7-9) นับ 0
- ไพ่สูง (10, J, Q, K, A) นับ -1
เมื่อคะแนนรวมของการนับสูง (เช่น +4 หรือมากกว่า) หมายความว่าไพ่ในกองเหลือแต่ไพ่สูงมาก ซึ่งเป็นโอกาสดีในการเพิ่มเดิมพัน
หลีกเลี่ยงการเดิมพันเสริม (Side Bets)
การเดิมพันเสริม เช่น การเดิมพัน “Perfect Pair” หรือ “Insurance” (ประกันเมื่อเจ้ามือเปิดไพ่ Ace) มักมีอัตราการจ่ายที่น้อยกว่าและความเสี่ยงสูง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงถ้าคุณต้องการเล่นเพื่อผลกำไรระยะยาว
เลือกโต๊ะที่เหมาะสม
- กฎที่เอื้อต่อผู้เล่น: มองหาโต๊ะที่Blackjackจ่าย 3:2 แทนที่จะเป็น 6:5
- จำนวนสำรับไพ่: เลือกโต๊ะที่ใช้ไพ่น้อยสำรับ เช่น 1-2 สำรับ แทนที่จะเป็น 6-8 สำรับ เพราะไพ่น้อยทำให้การคำนวณง่ายขึ้น
- การจำกัดเดิมพัน: เลือกโต๊ะที่มีขีดจำกัดการเดิมพันเหมาะสมกับงบประมาณของคุณ
รู้จัก "Soft Hand" และ "Hard Hand"
- Soft Hand: มือที่มี Ace ซึ่งนับเป็น 11 (เช่น A+6 = Soft 17) ควรพิจารณาจั่วไพ่เพิ่มในบางกรณี
- Hard Hand: มือที่ไม่มี Ace หรือ Ace นับเป็น 1 (เช่น 10+8 = Hard 18) ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการจั่วไพ่เพิ่ม
อย่ารีบตัดสินใจ
การเล่นBlackjackต้องอาศัยการคิดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ อย่าจั่วไพ่หรือเพิ่มเดิมพันเพราะความตื่นเต้น ใช้เวลาดูสถานการณ์และไพ่ของเจ้ามือก่อน
รู้จักหยุด
- หยุดเมื่อได้กำไร: หากคุณได้กำไรตามเป้าหมายแล้ว ควรหยุดเล่นทันที อย่าโลภหรือหวังว่าจะชนะต่อไปเรื่อย ๆ
- หยุดเมื่อแพ้: หากคุณเสียเงินเกินงบประมาณที่ตั้งไว้ อย่าพยายามเล่นต่อเพื่อ “เอาคืน” เพราะจะยิ่งเสี่ยงเสียมากขึ้น
ฝึกฝนบ่อย ๆ
หากคุณยังใหม่กับBlackjack การฝึกเล่นในโหมดทดลองหรือเล่นกับเพื่อนช่วยให้คุณเรียนรู้และพัฒนาทักษะได้เร็วขึ้น การทดลองใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจเมื่อเล่นในเกมจริง
การเติบโตของแบล็คแจ็คในคาสิโน
Blackjackเริ่มได้รับความนิยมในคาสิโนของอเมริกาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐเนวาดาอนุญาตให้การพนันถูกกฎหมายในปี 1931 ลาสเวกัสกลายเป็นศูนย์กลางของเกมแบล็คแจ็ค และคาสิโนต่าง ๆ ก็เริ่มปรับเปลี่ยนกฎเพื่อดึงดูดผู้เล่น เช่น การให้ผู้เล่นมีตัวเลือกในการเพิ่มเงินเดิมพัน (Double Down) หรือแยกไพ่คู่ (Split)
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20Blackjackได้รับความสนใจจากนักคณิตศาสตร์และนักสถิติ เช่น Edward O. Thorp ซึ่งพัฒนาทฤษฎีการนับไพ่ (Card Counting) ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเพิ่มโอกาสชนะได้ เทคนิคนี้ทำให้เกมแบล็คแจ็คกลายเป็นเกมที่ดึงดูดทั้งนักพนันมืออาชีพและผู้เล่นทั่วไปมากขึ้น
ปัจจุบันBlackjackเป็นเกมคาสิโนที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ทั้งในคาสิโนแบบดั้งเดิมและในคาสิโนออนไลน์ กฎของเกมมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาหลากหลายรูปแบบ เช่น Blackjackแบบหลายสำรับ (Multi-Deck Blackjack), แบบยุโรป (European Blackjack), และแบบโปรเกรสซีฟ (Progressive Blackjack)
จากนั้นเริ่มมีบทบาทสำคัญในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 เมื่อเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตพัฒนา คาสิโนออนไลน์เสนอเกมBlackjackที่สามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งมีรูปแบบเกมสด (Live Blackjack) ที่ผู้เล่นสามารถโต้ตอบกับดีลเลอร์ผ่านการถ่ายทอดสด เสน่ห์ของเกมไพ่21 อยู่ที่การผสมผสานระหว่างโชคและกลยุทธ์ ผู้เล่นไม่เพียงต้องพึ่งพาดวง แต่ยังต้องใช้ความคิด วิเคราะห์ไพ่ และตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
นอกจากนี้ อัตราการจ่ายเงินที่ค่อนข้างยุติธรรมเมื่อเทียบกับเกมคาสิโนอื่น ๆ ทำให้เจ้าเกมนี้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักพนัน Blackjack ไม่ใช่แค่เกมการพนัน แต่ยังเป็นการท้าทายความสามารถในการคำนวณและการตัดสินใจ ทำให้เกมนี้ยังคงครองใจผู้เล่นทั่วโลกมาอย่างยาวนาน และมีแนวโน้มจะยังคงเป็นเกมยอดนิยมต่อไปในอนาคต
สรุปเนื้อหาบทความ
สำหรับประสบการณ์การเล่นที่ยอดเยี่ยม KC9 คือแพลตฟอร์มที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยระบบที่ล้ำสมัย โปรโมชั่นสุดคุ้ม และเกมแบล็คแจ็คที่ตอบโจทย์ทุกระดับ สมัครวันนี้และร่วมสนุกไปกับการลุ้นแต้มที่เร้าใจได้เลย หากผู้เล่นท่านใดต้องการเข้ามาเดิมพันกับเว็บของเราก็สามารถเข้ามาได้เลยผ่านหน้าเว็บ สมัครสมาชิก เสร็จสามารถรับเครดิตฟรี199ไปได้เลย